รวมเทคนิคการออกแบบฟิตเนสให้ดึงดูดลูกค้าตั้งแต่ก้าวแรก

Gym Business

เมื่อต้องการเปิดธุรกิจฟิตเนสหรือยิมออกกำลังกายประเภทไหนก็ตาม แน่นอนว่ามีหลายอย่างให้ต้องคำนึงและคำนวณเพื่อไปสู่เป้าหมายของการเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เริ่มตั้งแต่รูปแบบฟิตเนส แนวการออกกำลังกาย ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย การตั้งราคาและแพคเกจ หรือการจัดการภายใน แต่อย่าลืมว่าการออกแบบก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้ฟิตเนสของคุณประสบความสำเร็จเช่นกัน 

ไม่ใช่แค่การคิดและวาดแผนผังว่าจะวางเครื่องออกกำลังกายตรงไหน หรือจะแบ่งโซนยังไง  แต่การออกแบบที่เราจะพูดถึงนั้นครอบคลุมไปถึงแต่ละส่วนในฟิตเนสที่ต้องใส่ใจ แสงหรือไฟ พื้นและเพดาน หรือพื้นที่ภายในเพื่อดึงดูดลูกค้า และสร้างบรรยากาศที่ทำให้สมาชิกกลับมาใช้ซ้ำและไปถึงเป้าหมายในอนาคตได้นั่นเอง

ความสำคัญของการออกแบบและดีไซน์

ลองนึกภาพว่า คุณกำลังเดินเข้าไปใช้บริการฟิตเนสแห่งหนึ่งเป็นครั้งแรก หลังจากคุณเดินผ่านเคาน์เตอร์เข้าไปจนไปถึงห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและโซนออกกำลังกายก่อนจะกลับบ้านหลังออกกำลังกายเสร็จ แล้วมีคนถามว่าฟิตเนสที่นี่เป็นยังไง คุณจะเล่าให้คนอื่นฟังอย่างไรบ้าง?

นี่คือสิ่งที่ลูกค้าจะพูดและบอกต่อกับคนรอบตัวที่สนใจออกกำลังกายซึ่งสามารถส่งผลทั้งดีหรือแย่ต่อชื่อเสียงของฟิตเนส ซึ่งคุณคงไม่อยากให้เขาพูดว่าบรรยากาศมันน่าเบื่อ อึดอัด หรือดูคับแคบสักเท่าไหร่ ดังนั้นเหตุผลที่ผู้ประกอบการควรใส่ใจเรื่องการออกแบบจึงสำคัญ ได้แก่

  • สร้างประสบการณ์ในฟิตเนส: ฟิตเนสแต่ละประเภทต่างมอบประสบการณ์ที่แตกต่างกันให้ลูกค้า เช่นสตูดิโอโยคะ ก็ให้ความรู้สึกสงบและผ่อนคลาย หรือการออกกำลังกายแบบ HIIT ก็ให้ความรู้สึกสนุก ท้าทาย และแอคทีฟกับการเผาผลาญ 
  • ดึงดูดลูกค้าและเทรนเนอร์: ดีไซน์ไม่ได้ทำหน้าที่แค่ดึงดูดลูกค้าใหม่ แต่มันยังช่วยดึงดูดสมาชิกให้กลับมาใช้ซ้ำ เพราะถ้าลูกค้าไม่ชอบพื้นที่ หรือโซนใดๆ พวกเขาก็มีโอกาสเลือกเจ้าอื่นที่ถูกใจมากกว่าทันที หรือเทรนเนอร์ที่ทำงานในฟิตเนสและพนักงานก็อาจเลือกที่ที่เหมาะสมกับสไตล์มากกว่านั่นเอง
  • เหมาะสมกับการออกกำลังกายจริงๆ: การออกแบบส่วนต่างๆตั้งแต่การวางอุปกรณ์ พื้นที่การออกกำลังกาย หรือชั้นเก็บของต้องเหมาะกับลักษณะการออกกำลังกายจริงๆ ไม่ใช่แค่สวยงามแต่ชำรุดหรือแออัดในภายหลัง 
  • สร้างความโดดเด่นให้แตกต่างจากคู่แข่ง: ฟิตเนสแต่ละแบรนด์ต่างมีสี การตกแต่ง และโทนที่หลากหลายทำให้มีความรู้สึกแตกต่างกันเมื่อเข้าไปใช้บริการ ซึ่งการออกแบบที่ซ้ำซากก็ทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ของคุณได้ยากกว่าเจ้าที่มีการออกแบบเฉพาะและโดดเด่นกว่า เช่นการใช้สีแสดงอัตลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Identity)

เครดิตรูปภาพ : Escapefitness

การออกแบบไม่ใช่แค่การตกแต่งภายในให้สวยงามและโดดเด่น แต่มันครอบคลุมไปถึงการสร้างห้องออกกำลังกาย การวางอุปกรณ์หรือปลั๊กไฟ การจัดแสงหรือพื้นที่เก็บของ หรือการควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะกับการออกกำลังกาย ซึ่งจะบ่งบอกถึงประสิทธิภาพของฟิตเนส โดยที่ถ้าตัดสินใจลงทุนไปแล้วในตอนแรก การปรับเปลี่ยนภายหลังก็มีค่าใช้จ่ายที่ตามมา ดังนั้นเราขอนำ เทคนิคและปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงเมื่อออกแบบสร้างฟิตเนส เพื่อให้ลูกค้าประทับใจ ใช้งานได้ และสร้างกำไรมาฝากกัน

เทคนิคการออกแบบและปัจจัยที่ต้องสนใจ

ออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้งาน (Functionality)

สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการควรใส่ใจหลังจากที่เริ่มออกแบบโปรแกรมและประเภทการออกกำลังกาย รวมถึงลิสต์เครื่องออกกำลังกายที่ต้องมีภายในก็คือ การออกแบบพื้นที่ที่ตอบโจทย์รูปแบบการออกกำลังกายจริงๆ เพราะประเภทการออกกำลังกายที่ต่างกันย่อมหมายถึงพื้นที่และห้องที่ต่างกันสิ้นเชิง เช่นยิมเล่นเวทที่ต้องมีพื้นที่แข็งแรง รองรับน้ำหนักการกระแทกของบาร์เบลได้ หรือเครื่อง Power rack ที่ต้องใช้เพดานสูงในการตั้งเครื่อง ซึ่งส่งผลต่อความปลอดภัยและความพึงพอใจของลูกค้าโดยตรง โดยส่วนที่เราควรสนใจเบื้องต้นมีดังนี้

1. ขนาดของยิมและพื้นที่ออกกำลังกาย

เมื่อเป้าหมายของธุรกิจคือการทำกำไร ซึ่งมาจากการขายให้มีคนมาใช้บริการมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สิ่งที่ผู้ประกอบการมักลืมไปในระหว่างการออกแบบพื้นที่และคำนวณเครื่องออกกำลังกายก็คือ การจัดพื้นที่ให้เหมาะสมกับการใช้งานจริง เพราะหนึ่งในปัญหาที่ฟิตเนสมักเจอหลังเปิดบริการจนสามารถทำกำไรได้ก็คือ ปัญหาคนมาใช้บริการมากเกินไปจนแออัด คับแคบ ไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ซึ่งนอกจากจะทำให้ลูกค้าคอมเพลนและอาจเปลี่ยนไปใช้บริการแบรนด์อื่นแทนแล้ว ยังมีผลต่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการออกกำลังกายด้วย

โดยปกติแล้วสมาชิกฟิตเนสมักจะต้องการพื้นที่ส่วนตัวในการออกกำลังกายที่มากพอโดยไม่ต้องแนบไหล่กับคนอื่น และต้องเดินไปใช้เครื่องออกกำลังกายได้โดยไม่หยุดหรือรบกวนคนที่ออกกำลังกายอยู่ในพื้นที่นั้น การเว้นพื้นที่ระหว่างเครื่องและทางเดินจึงจำเป็น เช่น

– เว้นพื้นที่ประมาณ 10-20 ตารางฟุตต่อคนออกกำลังกาย 1 คน เพื่อลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุและให้ความเป็นส่วนตัวกับลูกค้า 

– เว้นพื้นที่อย่างน้อย 1.5 ฟุตระหว่างเครื่องปั่นจักรยาน และ  8-10 นิ้วสำหรับลู่วิ่งและเครื่อง Elliptical 

รวมถึงวางเลย์เอาท์ให้เหมาะสมก่อนซื้อเครื่องออกกำลังกาย

2. พื้นและเพดาน

อีกปัจจัยที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องคำนึงถึงได้แก่ พื้นและเพดานของโซนต่างๆในฟิตเนส เพราะการเลือกประเภทหรือสีของพื้นนั้นเป็นมากกว่าแค่การตกแต่งให้สวยงาม แต่มันหมายถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการออกกำลังกายด้วย โดยประเภทพื้นที่เลือกต้องมีความมั่นคง สามารถรับแรงกระแทกและน้ำหนักจากเครื่องออกกำลังกายประเภทต่างๆได้ รวมถึงพื้นผิวที่มีหน้าที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่นพื้นสนามบาสที่ต้องใช้พื้นผิวแบบดูดซับแรงน้อย เพื่อจะได้ไม่ดูดซับแรงกระแทกจนลูกบาสไม่เด้ง หรือพื้นแบบเสื่อที่ต้องนุ่ม เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ

ถ้าฟิตเนสของคุณเน้นการออกกำลังกายแบบ Functional Training จากการเล่นเวท หรือ Resistance Machine ที่มีน้ำหนัก การเลือกใช้พื้นที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์ความหนาแน่นสูงที่อาจทำจากโฟม หรือยาง ซึ่งมีหลากหลายสีและความหนาก็เหมาะสมเพราะสามารถป้องกันความชื้นได้ ในขณะที่การออกกำลังกายแบบกลุ่มเช่น พิลาทิส โยคะ การเลือกใช้ไม้ก็เหมาะสมกว่า โดยต้องคำนึงถึงอุณหภูมิและควมชื้นด้วย เพราะอากาศร้อนสามารถทำให้พื้นไม้เปียก ขยายและโค้งงอ 

ดังนั้นการใช้เวลาเลือกสรรวัสดุให้ดีก็จะช่วยคุณในระยะยาว นอกจากนี้เพดานที่เลือกต้องสูงและโปร่งพอที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกสบาย ไม่อึดอัด และเหมาะกับการออกกำลังกายที่ต้องใช้เครื่องออกกำลังกายขนาดใหญ่มีโครงสูงเช่นกัน

3. พื้นที่เก็บของและล็อคเกอร์

พื้นที่เก็บของที่เราอยากพูดถึงนั้นหมายถึงทั้งพื้นที่ในการจัดวางอุปกรณ์ออกกำลังกายเพื่อบริการลูกค้า และพื้นที่เก็บของส่วนตัวของคนออกกำลังกาย เพราะพื้นที่เก็บของที่เพียงพอจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ฟิตเนสของคุณมีพื้นที่เพิ่มขึ้น จากทั้งอุปกรณ์เช่น ดัมเบล แผ่นเหล็ก หรือเคตเทิลเบล ที่ไม่ได้วางระเกะระกะอยู่บนพื้นจนขวางทางเดินและกระจายไปทั่วบริเวณจนหาไม่เจอ และความปลอดภัยของสิ่งของส่วนตัวของลูกค้าและอุปกรณ์ฟิตเนสของคุณด้วย

ในจุดนี้ การออกแบบพื้นที่ให้ลูกค้าเข้าใจว่าเล่นเสร็จแล้วต้องวางตรงไหน หรือสามารถเก็บตรงไหนได้ จะช่วยลดแรงจากพนักงาน และทำให้การจัดการภายในฟิตเนสนั้นง่ายยิ่งขึ้น

เครดิตรูปภาพ : Nfcgymsknoxvillewest

4. ระบบภายใน

ในการออกแบบฟิตเนสและห้องต่างๆแล้ว ยังมีปัจจัยที่สำคัญซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพของฟิตเนสชัดเจนจากระบบภายในคือ เรื่องเสียง การระบายอากาศหรืออุณหภูมิ และระบบไฟ เพราะสำหรับยิมที่มีหลายห้องและหลายโซน การจัดการเสียงไม่ให้ดังเกินไปจนตีกันถือเป็นเรื่องจำเป็น ยกตัวอย่างเช่นการจัดคลาสโยคะและคลาสปั่นจักรยานในโซนติดกัน ถ้าผนังไม่สามารถกันเสียงได้มากพอ คนเล่นโยคะก็าอาจถูกรบกวนสมาธิด้วยเสียงดังจากคลาสปั่นจักรยานที่แอคทีฟได้ 

สำหรับการออกกำลังกายที่เสียเหงื่อมาก ระบบการระบายอากาศก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะคุณคงไม่อยากเห็นลูกค้าเป็นลม หรือเสียเหงื่อเพราะอากาศร้อนและไม่ระบายแน่นอน และส่วนสุดท้ายที่ต้องคำนวณก่อนวางระบบภายในคือ ระบบไฟนั่นเอง เพราะเครื่องออกกำลังกายบางประเภทก็ใช้ไฟฟ้า ถ้าคุณลืมใส่ปลั๊กไฟลงในแผนผังก่อนก่อสร้าง พื้นที่นั้นก็อาจจะไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างที่ควรจะเป็น

ออกแบบประสบการณ์ให้ลูกค้า (Customer Journey)

การออกแบบที่ดีไม่ได้ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการจัดการของฟิตเนสเพียงอย่างเดียว เพราะมันเป็นการออกแบบประสบการณ์ ความรู้สึก และความพึงพอใจที่ลูกค้าจะได้รับตั้งแต่เริ่มเดินเข้าฟิตเนสเลยทีเดียว ดังนั้นรูปแบบและสไตล์ที่ตรงตามความต้องการของกลุ่มลูกค้า เหมาะสมกับทั้งคนออกกำลังกายและเทรนเนอร์ และฟิตเนสที่มีการออกแบบดีจึงสำคัญเพื่อทำให้ลูกค้าเข้าใจได้ว่าต้องเดินไปทางไหนเมื่อเข้ามาในพื้นที่โดยไม่สับสน ช่วยลดจำนวนพนักงานที่ต้องคอยบอกทางและทำให้การจัดการภายในง่ายมากยิ่งขึ้น

1. พื้นที่ส่วนรวม

นอกเหนือจากพื้นที่ออกกำลังกายแล้ว สิ่งที่แยกระหว่างการออกกำลังกายที่บ้านและฟิตเนสได้คือ การมีพื้นที่ให้สมาชิกได้ปฏิสัมพันธ์ และรวมกลุ่มคุยกันผ่านพื้นที่ส่วนรวมเช่น คาเฟ่ พื้นที่นั่งทำงาน หรือ สิ่งอำนวยความสะดวกเช่นบริการนวด หรือสระน้ำเป็นต้น เพราะการมีพื้นทีแบบนี้ช่วยทำให้ลูกค้าอยากใช้เวลาในฟิตเนสนานขึ้น ไม่ใช่แค่ออกกำลังกายเสร็จแล้วออกไป แต่มีบริเวณให้ผ่อนคลาย และมีสังคมการออกกำลังกายซึ่งเพิ่มโอกาสในการมาเล่นฟิตเนสซ้ำมากยิ่งขึ้น

2. การจัดแสงภายใน

เครดิตรูปภาพ : Architecturaldigest

แสงถือเป็นอีกองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับฟิตเนสซึ่งจำเป็นต้องมีการออกแบบที่ดี เพราะมันช่วยกระตุ้นความรู้สึกและอารมณ์ในการออกกำลังกายโดยตรง เช่นสตูดิโอโยคะที่มีแสงโทนสีสบาย เน้นให้ความรู้สึกสงบและธรรมชาติ และสตูดิโอ Cardio ที่ใช้ไฟ LED หรือแสงสีไฮไลท์เพื่อกระตุ้นความแอคทีฟให้ใช้พลังงานเยอะๆ

ทว่าแสงที่ออกแบบนั้นมีทั้งแสงจากหลอดไฟและแสงธรรมชาติ ซึ่งแตกต่างกันในช่วงเวลากลางวันและกลางคืน คุณอาจจะเลือกใช้แสงธรรมชาติโดยการติดกระจกในช่วงกลางวันเพื่อให้ความรู้สึกสดชื่นโดยไม่วางเครื่องออกกำลังกายใกล้กระจกเกินไปจนอาจอันตราย และใช้หลอดไฟที่มีความสว่างเพียงพอตอนกลางคืนก็ได้

3. สี อารมณ์ และการตกแต่งภายใน

เครดิตรูปภาพ :  Business2community

การเลือกสีที่เหมาะสมจะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีผ่านบรรยากาศ และอารมณ์ของลูกค้า เพราะสีเป็นตัวบ่งบอกสไตล์ ความรู้สึก และลักษณะของแบรนด์ผ่านการออกแบบภายใน โดยมีการตกแต่งด้วยโลโก้ ปัจจุบันเราจะเริ่มเห็นฟิตเนสที่ออกแบบบรรยากาศให้คล้ายกับไนท์คลับ ด้วยแสงและแถบสีแบบนีออน หรือสีสดใสที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นในการออกกำลังกาย รวมถึงสีสว่างต่างๆที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งแล้วแต่การออกแบบที่คุณจะเลือกใช้ให้สอดคล้องกับประเภทการออกกำลังกายและแบรนด์

4. กระจก

สิ่งสุดท้ายที่ขาดไม่ได้สำหรับฟิตเนสเลยคือ การติดตั้งกระจกในพื้นที่ที่เหมาะสมนั่นเอง ด้วยประโยชน์ของกระจกที่ช่วยทำให้พื้นที่ดูกว้างขึ้น ช่วยให้สมาชิกที่มาออกกำลังกายเห็นท่าออกกำลังกายของตัวเองว่าถูกต้องหรือไม่ และสังเกตการเปลี่ยนแปลงของรูปร่างที่ดีขึ้น ช่วยให้เทรนเนอร์สังเกตท่าออกกำลังกายของลูกค้าและช่วยสร้างบรรยากาศให้ไม่อึดอัดเกินไปจากห้องปิดเพียงอย่างเดียว 

ทว่าการติดตั้งกระจกยังต้องคำนึงถึงพื้นที่ด้วย เพราะลูกค้าบางคนอาจไม่อยากเห็นรูปร่างตัวเองตอนเหนื่อย และมันอาจไม่จำเป็นสำหรับการออกกำลังกายบางประเภท ในขณะที่ในจำเป็นในโซนเวทเทรนนิ่งที่ผู้เล่นต้องออกกำลังกายให้ถูกท่าเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ

สรุป

เมื่อเริ่มมีภาพแนวทางการออกแบบและปัจจัยต่างๆที่ต้องคำนึงถึงแล้ว สิ่งที่ผู้ประกอบการสามารถสังเกตเพื่อให้สามารถออกแบบได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าและตอบโจทย์ของพวกเขาได้นั้นได้แก่

  • การติดตามแทรนด์การออกกำลังกาย เพื่อดูว่าการออกแบบสไตล์ไหนที่เป็นที่นิยม การออกกำลังกายแบบใหม่ๆต้องมีบรรยากาศและโทนสีแบบไหน
  • สอบถามความต้องการของลูกค้าและประเมินสถานการณ์สม่ำเสมอเพื่อดูว่าบริการของเราดีพอไหม มีปัญหาพื้นที่แออัด แน่นเกินไป หรือลูกค้าพึงพอใจหรือเปล่า เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ
  • การปรึกษาทีมออกแบบที่มีความเชี่ยวชาญด้านฟิตเนสโดยเฉพาะหรือลงทุนค่าออกแบบเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลังจากทั้งความปลอดภัย และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆซึ่งมีความเฉพาะกว่าธุรกิจประเภทอื่น

และนอกจากการออกแบบที่ดีซึ่งทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีอยู่รอบตัวเสมอแล้ว อย่าลืมว่าสิ่งที่สำคัญพอๆกับการออกแบบก็คือ เครื่องออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดี การบริการที่น่าประทับใจ และราคาหรือแพคเกจที่เหมาะสม ไม่แพงเกินไป เพื่อให้ลูกค้าสนใจและกลับมาใช้บริการกับคุณอย่างสม่ำเสมอด้วยคุณภาพจริงๆ ดังนั้นการวางแผนให้ครบถ้วนจากหลายมุมมองเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ก็จะช่วยสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้นั่นเอง!

Copyright 2018 NBA Sport Management Co., Ltd.